Smart Dogs สาระน่ารู้ - Smart Dogs สาระน่ารู้ นิยาย Smart Dogs สาระน่ารู้ : Dek-D.com - Writer

    Smart Dogs สาระน่ารู้

    เราเป็นผู้ผลิต ชุดน้องหมา น่ารัก ขายส่งในราคาถูก คุณภาพดี ราคาถูก เนื้อผ้านุ่ม(เกรดเดียวกับชุดเด็กอ่อน) สินค้ามีจำนวนมากและหลากหลายรูปแบบ

    ผู้เข้าชมรวม

    175

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    175

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  อื่นๆ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  15 ก.ย. 56 / 18:11 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ






      1. รู้ไหมว่าฉันคิดอะไรอยู่

       

      อย่าทิ้งฉันไป มันอาจจะส่งเสียงรบกวน ทำลายข้าวของหรือทำบ้านยุ่งเหยิ

       

      กลับมาเถอะนะ  :  มันจะกัดเคี้ยงขอบประตู ขุดใต้ประตู บางตัวอาจจะเห่าและหอน บางตัวอาจมีอาการตื่นกลัวมากจนขับถ่ายกะทันหัน

       

      เธอคือเพื่อนฉัน  :  เวลาที่เจ้าของกอดจะมีดวงตาผ่อนคลาย หูลู่ไปข้างหลัง ลิ้นห้อย กระดิกหางดีอก ดีใจ

       

      เธอเป็นใคร  : เวลาสุนัขสองตัวดมจมูกกันและกัน

       

      ดีใจจังที่ได้เจอเธอ  :  มันจะพยายามเลียปากและแสดงท่าทางดีใจที่ได้เจอ

       

      มาเล่นกันดีกว่า  :  เจ้าสุนัขจะวางศอกทั้งสองข้างติดกับพื้น แล้วยกก้นขึ้นสูงค้างไว้สักพักนึงนี่แหละคือท่ายอดนิยมของเหล่าสุนัขขี้เล่นทั้งหลาย

       

      มีใครได้ยินฉันหรือเปล่า  :  การหอนเป็นวิธีที่เจ้าสุนัขทั้งหลายสื่อสารกับผู้ที่อยู่ห่างออกไป มันจะหอนและรอเสียงหอนตอบรับจะได้หาทางกลับบ้านถูก

       

      ขอขนมกินหน่อยสิ  สุนัขจะยกอุ้งเท้าหน้าขึ้น  หัวของมันตั้งตรง  ประสาทสัมผัสของมันกำลังจดจออยู่กับขนมที่ถูกยื่นให้

       

       

      มีอะไรกินมั้ย  :  ลูกสุนัขเล็กๆจะชอบเลียมุมปากของสุนัขโต

       

      เครียดจัง  : หางเป็นสัญญาณเริ่มแรกที่บ่งบอกให้รู้ว่า สุนัขกำลังเริ่มอึดอัดกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นฉันไม่ค่อยสบายใจ     
      สุนัขจะกระดกลิ้นออกมานอกปาก เมื่อมันรู้สึกอึดอัด และไม่   มั่นใจ มันจะเลียจมูกตนเอง หรือไม่ก็ตวัดลิ้นเข้าออกอย่างรวดเร็ว

       

       

       

      2. วิธีการอาบน้ำสุนัข อย่างถูกวิธี

      สุนัขควรจะอาบน้ำ ควรจะบ่อยแค่ไหน

          สุนัขควรจะอาบน้ำบ่อยแค่ไหน อันนี้ขึ้น  อยู่กับสายพันธ์ วิธีการเลี้ยง รวมถึงความสะดวกของเจ้าของด้วยนะครับ ถ้าเกิดว่าเลี้ยงแบบปิด ไม่ค่อยได้ออกไปเล่นข้างนอกอยู่ห้องแอร์ตลอด อาจจะไม่จำเป็นต้องอาบบ่อยก็ได้นะครับ แต่โดยประมาณก็ ทุกๆ 10 วัน หรือ 2 สัปดาห์ครั้ง แต่ถ้าไม่สะดวกจะเป็น เดือนละครั้งก็ได้นะครับ แต่ในกรณีที่นานๆทีอาบ แนะนำให้ใช้ ผ้าขนหนูชุบน้ำหมาดๆ นำไปเช็ดตัวให้เค้า อาทิตย์ละครั้งก็จะช่วยได้ในระดับหนึ่ง

      ใช้แชมพูอาบน้ำแบบไหนดี

              การเลือกแชมพูสำหรับสุนัขนั้น ควรเลือกใช้ให้ถูกประเภท ซึ่งในตลาดก็มีให้เลือกมากมายหลากหลายชนิด ทั้งราคาถูกถึงแพงมากๆ แต่แชมพูที่ไม่ควรนำมาใช้กับสุนัขเลยก็คือ แชมพูสระผมสำหรับคน เนื่องจากแชมพูของคนมีส่วนผสมที่แตกต่างจากของสุนัข อาจจะทำให้สุนัขแพ้ ระคายเคืองได้ สำหรับแชมพูสุนัขที่เหมาะสมก็ต้องควรมีค่า pH ที่ใกล้เคียงกับผิวหนังของสุนัข โดยควรมีค่า pH 6.5-7.5 สำหรับสูตรของแชมพูนั้น ก็ใช้เยอะ ทั้งสมุนไพร, ผลิตจากธรรมชาติ, กำจัดเห็บหมัด, อ่อนโยน … ก็ควรเลือกให้ตรงกับความต้องการ ไม่ใช่เรื่องแปลกนะครับ ที่สุนัข 1 ตัวจะมีแชมพูมากมายหลายแบบ คนเราเองยังมีแชมพูตั้งหลายชนิดเลย ทำไมสุนัขจะมีบ้างไม่ได้

      ขั้นตอนการอาบน้ำ

      - เตรียมตัวก่อนอาบน้ำ

          ก่อนที่จะพาสนุัขไปอาบน้ำ เราควรจะเช็คสิ่งต่างๆ ให้แน่ใจเสียก่อน สุนัขเป็นหวัดหรือไม่โดยปกติ สุนัขจะมีอุณหภูมิ 100.5 -102.5 องศาฟาเรนไฮ ถ้าเกินกว่านี้ไม่แนะนำให้อาบน้ำเนื่องจากอาจจะเป็นไข้หวัดอยู่ อีกจุดหนึ่งที่ต้องสำรวจก็คือส่วนต่างๆของร่างกาย มีแผลหรือไม่ อันนี้ต้องระวังอาจจะทำให้เกิดการติดเชื้อได้ เรื่องขนก็เป็นสิ่งสำคัญในกรณีที่พบว่ามีขนพันกัน มีสังกะตัง ควรทำการคลายปมหรือตัดทิ้งก่อนที่จะอาบน้ำ เมื่อพร้อมแล้ว ก็ใช้สำลีมาอุดหูของสุนัขเพื่อกันน้ำเข้าหูของสุนัขด้วย




      - ระหว่างอาบน้ำ

             เตรียมน้ำอุ่น สำหรับอาบ อาจจะเปิดจากเครื่องทำน้ำอุ่นหรือจะใส่กะละมังไว้ก็ได้ จากนั้นค่อยๆ เอาน้ำพรมที่ตัวเค้า

      ทีละนิด ให้สุนัขค่อยๆปรับอุณหภูมิร่างกาย อย่าราดลงไปทันทีนะครับ จากนั้น ค่อยๆพรมให้ทั่วๆ จนเปียกทั้งตัว

             ลงแชมพู ฟอกตัว ตั้งแต่หลัง ใต้ท้อง ขา หาง พยายามให้สุนัขเงยหน้าไว้ ไม่ต้องราดน้ำไปจนถึงหัวนะครับ เมื่อฟอกแชมพูจนทั่วแล้ว ก็ล้างน้ำออก จะฟอกซ้ำ อีกรอบก็ได้ ตอนฟอกก็ทำเหมือนสระผมเกาแรงพอประมาณ จนสะอาดครับ   อาจจะมีการลงน้ำยาบำรุงขนเพิ่ม จำพวกวิตามินบำรุงขน จากนั้นก็ไปเช็ดตัว

       

      - หลังอาบน้ำเสร็จ

            เช็ดตัวสุนัขให้แห้งพอสมควร ถ้าจะให้ง่ายและไวแนะนำใช้ใช้ผ้าชามัวร์ ผ้าชามัวร์ผืนที่ใช้ควรใช้กับสุนัขอย่างเดียว ไม่ควรนำไปใช้เช็ดอย่างอื่นด้วยเช่นรถยนต์ การเช็ดให้เน้น บริเวณที่อับชื้นได้ง่าย เช่นข้อพับ ซอกคอ บริเวณขา ถ้าไม่แห้งอาจจะเป็นแหล่งเพาะเชื้อทำให้เกิดเชื้อราได้

               ขั้นต่อไปก็คือการเป่าขน หรือไดร์ขน เลือกขนาดที่กำลังลมดีพอสมควร ปรับระดับความร้อนไปที่อุ่น (ในความร้อนที่เรารู้สึกว่ามันอุ่น ไม่ร้อนนะครับ) เป่าไดร์ให้สุนัข โดยหวีย้อนขน พยายามเป่าที่โคนขน จะทำให้แห้งได้ไว ถ้ารู้สึกว่าลมเริ่มร้อนหรือตัวสุนัขร้อน ให้ปรับมาเป็นลมเย็นธรรมดา แล้วค่อยปรับกลับไปอุ่นอีกครั้งหนึ่ง

           ทำความสะอาดส่วนบอบบาง หลังจากเราอาบน้ำเช็ดตัวเสร็จ จะมีบางส่วนที่เรายังไม่ได้ทำความสะอาด ก็คือ บริเวณรอบดวงตา ใช้สำลีชุบน้ำ เช็ดเบาๆ บริเวณหู ใช้ไม้คอตตอนบัด ทำความสะอาดภายในหู ระวังอย่าให้น้ำเข้า ส่วนภายนอกใช้ผ้าชุบน้ำเช็ด และส่วนใบหน้าจมูกก็ ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดเช่นเดียวกัน

           ตากแดด หลังอาบน้ำใหม่ๆ ควรนำสุนัขไป ถูกแดด อาจจะเป็นการปล่อยให้เค้าเดินที่สนาม หรือนำสุนัขไว้ในกรงที่วางอยู่กลางแดด แต่ต้องระวังไม่ให้แดดแรงจนเกินไป เอาแค่พอประมาณ การที่เรานำสุนัขไปถูกแดดเป็นการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และทำให้ตัวแห้งในส่วนที่เราไม่สามารถจัดการได้ อีกทั้งยังทำให้สุนัขได้รับวิตามิน เข้าสู่ผิวหนังอีกด้วย

            การแปรงขน เช็ดตัวเสร็จแล้วก็จะต้องมีการแปรงขน จัดแต่งให้สวยงาม และช่วยไม่ให้ขนพับกัน การแปรงขนเป็นประจำจะทำให้ ขนมีสุขภาพดี ช่วยให้เลือดไหลเวียน สำหรับบทความการเลือกแปรงขนสำหรับสุนัขสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี้ครับ

      ข้อระวัง

             ข้อระวังในการอาบน้ำสุนัขนั้น ต้องระวังไม่ให้น้ำเข้าตาจมูกและ หูของสุนัข เทคนิคก็คือเวลาอาบน้ำ ให้เงยหน้าสุนัขไว้ และก็อย่าอาบน้ำสุนัขนานเกินไป เพราะอาจจะเกินการสูญเสียความร้อนและทำให้ไม่สบายได้ พยายามหลีกเลี้ยงการอาบน้ำสุนัขในเวลากลางคืน หรือในวันที่อากาศหนาว

      3. ทำอย่างไร เมื่อสุนัขเป็นโรคอ้วน

           นั้นหมาหรือหมู !! ถ้าไม่อยากให้สุนัขของเพื่อนๆ ถูกแซวอย่างนั้นละก็ เราจะต้องใส่ใจสุขภาพของน้องหมาพอสมควร ซึ่งไม่ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร ต้องขอบอกก่อนเลยว่า Mr.Dog ไม่อ้วนนะครับ หุ่นดี กำลังหล่อเลย เพราะฉะนั้น Mr.Dog จะมาแนะนำวิธีการ ปฏิบัติตัวไม่ให้อ้วนกัน

      1. อาหาร

      - เป็นปัจจัยอย่างแรกที่เราควรให้ความสำคัญกันเลย เนื่องจากสุนัขนั้นต้องการ สารอาหารไม่เหมือนกับคน แต่หลายๆคนชอบให้อาหารสุนัขเป็นอาหารคน เช่น 3 มื้อ หรือไม่ก็ให้อาหารที่มีพลังงานสูง ทำให้เกิดการสะสม ยิ่งบ่อยๆเข้าก็ไม่แปลกที่จะอ้วนครับ

      2. การทำหมัน

      - เป็นเรื่องที่ได้ยินกันมาค่อนข้างบ่อย ว่าทำหมันแล้วทำให้อ้วน ความจริงก็ใช่นั้นแหละครับ แต่ต้องดูเหตุผลกันซักนิดหนึ่ง การที่ทำหมันแล้วอ้วนเนี้ยเกิดจากเมื่อสุนัขทำหมันแล้ว มีการผ่าเอารังไข่ออกไปซึ่งมีผลโดยตรงกับการอยากอาหารของสุนัข ทำให้เกิดการกินเพิ่มขึ้น ถ้าไม่จำกัดอาหาร อ้วนแน่นอน

      3. กิจกรรม ชีวิตประจำวัน

      - สุนัขก็เหมือนคนเรา ถ้ากินแล้วไม่ออกกำลังกาย อ้วนแน่นอน สุนัขควรจะมีเวลาออกกำลังกายบ้าง อาจจะวิ่งเล่น หยอกล้อกับตัวอื่น หรือถ้าไม่มีก็อาจจะมีการเดินออกกำลังกาย เป็นประจำวันละอย่างน้อย 15-20 นาที ถ้าเกิดสุนัขตัวไหนที่ไม่ได้ออกไปเดินข้างนอก เอาแต่นอนเฝ้าหน้าบ้าน อาจจะทำให้อ้วนได้นะครับ

      4. อายุ

      - สุนัข เมื่อมีอายุมากขึ้น มีแนวโน้มที่จะอ้วนมากขึ้น ยิ่งถ้าเป็นสุนัขที่มีอายุตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไปนั้น เนื่องจากการออกกำลังกายน้อยลง ทำให้การเผาพลาญไม่ดีเท่าที่ควร ยิ่งถ้าเจ้าของไม่ได้ปรับสูตรอาหารสำหรับสุนัขมีอายุ ก็จะทำให้อ้วนขึ้นที่สำคัญต้องระวังเรื่องโรคจะถามหาเอานะครับ
      5. สายพันธุ์

      - เรื่องสายพันธุ์เป็นที่ถกเถียงกันค่อนข้างมาก ก็ยังไม่มีข้อสรุปอย่างชัดเจน แต่ก็พอจะหาข้อมูลได้ว่า สายพันธุ์ที่มีโอกาสจะอ้วนกว่าสายพันธุ์อื่นนั้นก็คือ Labrador Retrieves, Dachshunds, Beagles, Cairn Terriers, Cocker Spaniels, Collies Shetland Sheep Dogs(Shelties) และ Basset Hounds

      6. ปัญหาอื่นๆ

      - เช่นการให้ยา หรือเป็นพันธุกรรม ก็เป็นได้ หรือแม้แต่ความเครียดต่างๆ ซึ่งเกิดจากสภาพแวดล้อมก็จะเป็นตัวเร่งให้สุนัขกินมากขึ้น และก็ทำให้อ้วนได้

      ก็ทราบกันแล้วนะครับว่า มีปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้ สุนัขกลายเป็นหมู เนื่องจากถ้าเกิดปล่อยให้สุนัขอ้วนแล้วละก็ โรคต่างๆจะถามหา เช่นโรคเกี่ยวกับกระดูกที่จะต้องรับน้ำหนักตัว หรือมะเร็งต่างๆก็มีสิทธิเป็นเพิ่มขึ้น และโรคอื่นๆอีก ยังไงก็อย่าลืมดูแลเจ้าตูบที่บ้านให้ดีนะครับ วันนี้ Mr.Dog ขอตัวไปฟิตเนตก่อน เดี๋ยวจะอ้วนเป็นหมู



      4.ขจัดปัญหาเรื่องกลิ่นของเจ้าตูบ

       

               ในฐานะคนรักสุนัข คุณย่อมที่จะรู้ว่าการเลี้ยงสุนัขมาพร้อมกับการจัดการกับปัญหาเรื่องกลิ่นต่าง ๆ ของน้องหมา ไม่ว่าจะลูกสุนัข น้องหมาที่ป่วย หรือพี่หมาที่ชราแล้ว ย่อมก่อให้เกิดกลิ่นต่าง ๆ ได้ทั้งนั้น ไม่ใช่เรื่องที่ปกติเท่าไหร่นักที่จู่ ๆ สุนัขชราจะลุกขึ้นมาปล่อยปัสสาวะภายในบ้าน หรืออาเจียน รวมทั้งท้องเสีย

       

             นอกจากกลิ่นจะมาพร้อมกับหลักฐานที่ออกมาจากตัวสุนัขแล้ว กลิ่นของสุนัขยังมาในรูปแบบอื่น ๆ อีก เช่น ถ้าสุนัขตัวเปียกและไปถูกข้าวของต่าง ๆ กลิ่นก็จะติดอยู่บนข้าวของต่าง ๆ นั้นไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นเตียงนอน หมอน และโซฟา หรือในรถยนต์ ซึ่งการจะป้องกันไม่ให้เกิดกลิ่นเหล่านี้ขึ้นได้ก็เป็นหน้าที่ของเจ้าของสุนัข
       

                      บางครั้งน้องหมาเด็กอาจจะป่วยและมีปัญหาในเรื่องของการขับถ่าย สุขนัขชราอาจจะสับสนว่าตรงนี้ถ่ายได้หรือถ่ายไม่ได้ บางครั้งพวกเขาอาจจะไม่สามารถอั้นปัสสาวะได้นานเหมือนอย่างเคย สุนัขอาจจะได้รับอุบัติเหตุจนทำให้ระบบการปล่อยของเสียเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
       

                      เมื่อน้องหมาปล่อยของเสียในบ้านครั้งหนึ่ง แต่ดูเหมือนว่ากลิ่นนั้นยังคงติดแน่นนาน และถ้าคุณมีปัญหาเรื่องสุนัขชอบปล่อยปัสสาวะในบ้านแล้วล่ะก็ คุณก็พอจะรู้อนาคตแล้วว่า กลิ่นนั้นจะไม่มีทางจางหายไปไหนแน่นอน

      What can you do?  แล้วเราจะแก้ไขอย่างไร
       

      1  ต้องทำให้แน่ใจว่าน้องหมามีโอกาสมากมายในการที่จะถ่ายทุกข์ทั้งหนักและเบา คุณควรจะพาสุนัขออกไปปัสสาวะก่อนเวลาที่คุณคิดว่าเขาจะอั้นไหว อย่ารอทดสอบว่า สุนัขสามารถอั้นปัสสาวะได้นานแค่ไหน พาเขาออกไปเลย
       

      2  ซักทำความสะอาดที่นอนและผ้าห่มของสุนัขทุกสัปดาห์ สุนัขชราบางตัวมีปัญหาเรื่องการอั้นปัสสาวะ และที่นอนของพวกเขา ก็จะมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ติดอยู่ หรืออาจจะมีกลิ่นอื่น ๆ อยู่ด้วย เช่นนี้ ต้องทำความสะอาดทุกสัปดาห์
       

      3       อาบน้ำให้สุนัข เจ้าตูบบางตัวต้องการการอาบน้ำทุก ๆ สัปดาห์ ขณะที่บางตัวอาจจะนานกว่านั้น ถ้าคุณดมตัวน้องหมาแล้วมีกลิ่นที่บอกว่า ต้องอาบน้ำแล้วนะ คุณก็ควรอาบน้ำให้เขาทันที และทำให้เป็นประจำ
       

      4  เตรียมอุปกรณ์ขจัดกลิ่นให้พร้อม ถ้าสุนัขอาเจียน หรือเผลอปล่อยทุกข์หนัก ทุกข์เบาในบ้าน คุณต้องรีบทำความสะอาดทันที ใช้ผ้าเช็ดจากนั้นใช้ผลิตภัณฑ์ในการทความสะอาดพื้นที่ดีที่สุดเท่าที่คุณจะหาได้
       

      5  ใช้ตัวช่วย ถ้าคุณไม่อยากให้เจ้าตูบปล่อยของเสียตรงไหน ก็ซื้อสเปรย์ที่ใช้ฉีดในการป้องกันสุนัขมาใช้ ซึ่งตอนนี้มีขายอยู่ทั่วไปตามร้านเพ็ทช็อป สามารถใช้ได้ทุกที่บนพื้น ที่เฟอร์นิเจอร์หรือพรม
       

      6   เมื่อบ้านมีกลิ่นเหมือนสุนัข  ชีวิตของคุณก็อาจจะเศร้าตามไปด้วย จนอยากจะออกไปสูดอากาศ เจ้าของสุนัขจึงควรทำความสะอาดบ้านของตัวเองอยู่เสมอ ๆ เพื่อให้กลิ่นนั้นค่อย ๆ จางออกไป

      เมื่ออ่านมาถึงบรรทัดนี้ ถ้าคุณผู้อ่านลองทำตามดู น่าจะช่วยได้ไม่มากก็น้อยกับการกำจัดกลิ่นของน้องหมา ที่เหลือก็เป็นช่วงเวลาของความสุขที่คุณกับสุนัขจะมีร่วมกัน





      5. สุนัขเป็นไข้หวัด มีอาการอย่างไร จะรักษาแบบไหน กินยาได้ไหม

       

           คนเรานั้น เมื่อฝนตก อากาศเปลี่ยนแปลง หรือเมื่อร่างกายได้รับเชื้อหวัด ก็จะทำให้เป็นหวัดได้ สุนัขเองก็เหมือนกัน โดยเฉพาะกับสุนัขที่ยังอายุน้อยๆ ยิ่งเป็นหวัดได้ง่ายๆ วันนี้ทาง We Like Dog มีคำแนะนำดีๆ เกี่ยวกับโรคหวัดในสุนัข

            โรคหวัดในสุนัข นอกจากจะเกิดจากอากาศเปลี่ยนแปลงแล้ว ยังเกิดจากการติดหวัด จากสุนัขตัวหนึ่งไปยังสุนัขตัวหนึ่งได้ด้วยนะครับ เช่นการเล่นด้วยกัน หรือว่าการแทะกระดูกชิ้นเดียวกันเป็นต้น
       

      อาการ

      - อาการของสุนัข จะไม่ค่อยเล่น อาจจะนอนทั้งหวัดในมุมใดมุมหนึ่ง ลุกมากินข้าวบ้างแต่อานจะกินน้อยลง บางครั้งจะมีน้ำมูก หรือจมูกแห้งๆ ให้สงสัยไว้ก่อนเลยว่าอาจจะเป็นไข้หวัดแล้วละครับ ถ้าเกิดมีปรอทวัดไข้ละก็ สามารถใช้วัดได้เลย โดยวิธีการวัดก็คือ การเสียบไปที่ทวารของสุนัขนะครับ สำหรับอุณหภูมิปกติของสุนัขจะอยู่ที่ 100.5-102.5 องศาฟาเรนไฮท์ ถ้าเกิดสูงกกว่านี้ ละก็ให้สันนิฐานไว้เลยว่า เป็นไข้หวัดแล้วอย่างแน่นอน

      วิธีการรักษา

      - สำหรับสุนัขที่ป่วยเรียบร้อยแล้ว ก็ต้องมาดูวิธีการรักษา แต่ว่าก่อนอื่นเราควรรู้ก่อนว่าสุนัขป่วยมากน้อยแค่ไหน โดยให้ดูจากอุณหภูมิ

      ไข้อ่อนๆ 103-103.5 องศาฟาเรนไฮท์  ก็อาจจะเช็ดตัวด้วยน้ำเย็น ถ้าในบริเวณนั้นมีลมโกรก ก็ให้พามาอยู่ในที่อุ่นขึ้น อย่าให้ตากแดด หรือนอนบนพื้นที่เย็นจนเกินไป ดูแลน้ำอย่าให้ขาด ช่วงนี้เค้าอาจจะไม่ทานอาหาร เพราะร่างกายกำลังสู้กับโรคอยู่ ไม่แนะนำให้ให้ยาเอง ถ้าซัก 2-3 วันยังไม่ดีขึ้นแนะนำให้พาไปพบสัตว์แพทย์

      ไข้ที่สูงกว่า 104 องศาฟาเรนไฮท์ ตรงนี้ถือว่ามีไข้สูงเป็นอันตราย สุนัขอาจจะช๊อคได้ แนะนำว่าให้รีบพาไปพบสัตว์แพทย์โดยด่วน ถ้ายังไม่สะดวกให้ปฏิบัติตามข้อข้างบน สามารถให้ยาพาราเซ้ตตามอล บรรเทาอาการได้ โดย 1 เม็ด 500 mg เท่ากับ สุนัขหนัก 30 kg ก็แบ่งยาตามน้ำหนักตัว โดยไม่ควรยาติดต่อกันเกิน 3 วัน จากนั้นถ้ามีเวลาให้นำไปพบสัตว์แพทย์ให้เร็วที่สุด ไม่งั้นสุนัขของท่านอาจจะเสียชีวิตได้

      การป้องกัน

      - สำหรับการป้องกันไม่ให้สุนัขเป็นหวัดนั้น ก็คล้ายๆกับคนเราก็คือ ไม่ควรให้สุนัขนอนตากลมอยู่ข้างนอก ในกรณีอีกทั้งถ้าเกิดฝนตกควรจะมีบ้านหรือที่ให้เค้านอนอุ่นๆ ถ้าสุนัขตัวใดตัวหนึ่งในบ้านมีอาการป่วย ให้แยกเค้าออกมา ไม่ให้สัมผัสกัน และควรจะทำความสะอาดของใช้ใหม่ ทั้งชามอาหาร ของเล่น และกรง เพื่อป้องกันไม่ให้ติดกัน การออกกำลังกาย ก็เป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้สุนัขมีภูมิคุ้มกันที่ดี ร่างกายแข็งแรงไม่ป่วยง่าย


       

      อาการคันและโรคภูมิแพ้ : ปัญหาสุขภาพผิวหนังสุนัขที่พบบ่อยๆ

       

      อาการคันในสุนัขนั้นจะสังเกตได้จากการที่สุนัขใช้ขาหลังเกา นอนเลียบริเวณที่คันหงายหลังดิ้นไถลไปมา จนถึงกัดแทะตามตัวจึงเกิดบาดแผล ฯลฯ

       

      สาเหตุที่สำคัญที่ทำให้สุนัขคันเรื้อรังนั้น แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มคือ

      กลุ่มแรกพยาธิภายนอก เช่น หมัดเห็บ,เหา,และไร ฯลฯ

      กลุ่มที่สอง โรคภูมิแพ้

      บรรดาพยาธิภายนอกที่ทำให้สุนัขคันเรื้อรังก็คือ หมัดและขี้เรื้อนแห้ง ซึ่งการรักษาก็ต้องกำจัดตัวพยาธิเหล่านี้ให้หมดไปจากตัวสุนัขอาการคันถึงจะทุเลาไป

      โดยเฉพาะอย่างยิ่งการควบคุมหมัดนั้นถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเจ้าหมัดสุนัขนี้นอกจากทำให้คันแล้วยังส่งผลถึงปัญหาภูมิแพ้ของสุนัขอีกด้วย

      กลุ่มที่สอง โรคภูมิแพ้ (Allergyl )

       โรคภูมิแพ้นั้นเป็นโรคที่เกิดจากปฏิกิริยาตอบสนองของร่างกายต่อสิ่งแปลกปลอมภายนอกไวกว่าปกติ พบได้ถึงร้อยละ 15  ของสุนัขปกติซึ่งถือเป็นความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ซึ่งเป็นโรคเฉพาะตัว ตัวหนึ่งแพ้อีกตัวหนึ่งไม่แพ้ก็ได้ในคนนั้นโรคภูมิแพ้มักมีปัญหาเกี่ยวกับระบบหายใจ เช่น  มีอาการ คัดจมูจ น้ำมูกน้ำตาไหล จาม แต่โรคภูมิแพ้ในสุนัขนั้นส่วนใหญ่มักจะมีอาการทางโรคผิงหนัง ซึ่งจะทำให้ผิวหนังอักเสบ แดง คัน และขนร่วง โดยพบได้ที่ผิวหนังสุนัขและใบหู

      โรคภูมิแพ้ในสุนัขที่สำคัญ ได้แก่

      ·        โรคภูมิแพ้น้ำลายหมัด (Flea Allergic Dermatitis)

      เป็นโรคภูมิแพ้ที่พบบ่อยที่สุดในสุนัข

      ·        โรคภูมิแพ้อาหาร (Food Allergy)

      เป็นโรคภูมิแพ้ที่สุนัขได้รับสารก่อให้เกิดการแพ้จากอาหารที่กินเข้าไปซึ่งเกิดจากแพ้สารอาหารพวกโปรตีนจากเนื้อสัตว์กับคาร์โบไฮเดรต จากบรรดามันสำปะหลัง แป้ง หรือ กากถั่ว และนอกนั้นก็อาจจะแพ้พวกสารถนอมอาหารที่ใส่มาในอาหารสัตว์ วิธีแก้ไขก็ต้องเปลี่ยนอาหาร

      ·        โรคภูมิแพ้จากการสูดดม (Atopy)

                      เป็นโรคภูมิแพ้ที่เกิดจากการสูดดม ไรฝุ่น,ฝุ่นละออง,ละอองเกสรดอกไม้ฯลฯ

      ·        โรคแพ้สัมผัส (Contact Dermatitis )

      เป็นโรคภูมิแพ้ที่เกิดจากการสัมผัส ซึ่งพบบ่อยในการแพ้แชมพูที่อาบ โดยเฉพาะการใช้แชมพูของคน สบู่กรด น้ำยาล้างจาน หรือผงวักฟอกมาอาบให้สุนัข ซึ่งอาการที่พบก็คือผิวหนังสุนัขจะแดงทันทีหลังอาบน้ำ และมีอาการคันตามมา ซึ่งอาจจะต้องเปลี่ยนมาใช้แชมพูยารักษาโรคผิวหนังมาใช้สำหรับสุนัขกลุ่มนี้

      การรักษาอาการคันและโรคภูมิแพ้

      การให้ยาแก้คันจำพวกยาแก้แพ้ หรือสเตียรอยด์นั้น จะช่วยควบคุมอาการคันให้ลดลงได้ แต่ถ้าหากสาเหตุหลักไม่ได้ถูกแก้ไข สุนัขก็ยังคันไม่หาย เมื่อฤทธิ์ยาหมดก็จะกลับมาคันอีก ดังนั้น เราจึงต้องแก้ไขต้นเหตุทั้ง 2 กลุ่มควบคู่ไปด้วย ถึงจะหายขาด



       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×